ขั้นตอนคร่าวๆตามมาตรฐานงานจัดฟันใส Invisalign ของหมอแจ็ค
หมอทำยี่ห้อ Invisalign ยี่ห้อเดียวนะครับ
(ยี่ห้อที่ราคาสูงที่สุดนั่นแหละครับ)
1. ปรึกษาฟรี สแกนฟันฟรี Xray ฟรี ถ่ายรูปหน้า รูปฟัน ฟรีนะครับ (ขอแค่ทำนัดและให้คนไข้มาถึงคลินิกก่อนเวลานัดเล็กน้อย)
(จ่ายเงิน กรณีตัดสินใจลุยทำจัดฟันใส)
2. หมอ Calibrate รูปให้เข้ากับโครงหน้าจริงๆ (หมอทำเองที่บ้านนะครับ-คนไข้ไม่ต้องทำอะไร)
เป็นขั้นตอนที่เหมือนจะไม่สำคัญ แต่โคตรสำคัญ
ที่ไม่ใช่หมอทุกคน จะมาเสียเวลาทำมัน
เพราะมันเสียเวลาเยอะมากกกกกกจริงๆ
แค่ทำรูป ปรับองศา
คือไม่ใช่แค่crop , rotate เหมือนที่เราแต่งรูปง่ายๆในมือถือนะ
แต่สิ่งที่ทำคือ
- rotate Xray ให้ตรงกับ frankfort horizontal plane
- แก้เอียงรูปถ่ายให้ตรงเป๊ะกับXrayที่แก้ระนาบแล้ว (ทำDouble Exposure)
- แก้รูปถ่ายหน้าตรง ให้ดวงตา2ข้าง ขนานกับพื้นโลก
- แก้รูปถ่ายฟันให้ระนาบมันตรงกับรูปถ่ายใบหน้าและภาพXrayอีกที
- วัดขนาดฟันจากFile 3D scanเพื่ออ้างอิงไปวัดค่าในรูปถ่ายฟัน ว่าซี่ไหนสูงต่ำกว่าซี่ไหนกี่mm (คล้ายๆเทียบบรรญัติไตรยางค์)
เพื่อเขียนลงไปในรูปเลย ว่ามันกี่mmกันแน่
- Cropปรับให้ฟันในรูปมันยาวเท่าๆกันทุกรูป
- มันคือการจำลอง Roll, Pitch, Yaw ใน3มิติ เอาไปใส่ในรูปถ่าย2มิติอีกที ทำไปทำไม?
- หลังจากที่ทำงานจัดฟันเหล็กมานานจะ10ปีแล้ว เรามั่นใจในฝีมือและประสบการณ์ของตัวเองมาพอสมควร
- หมอหันมาจับงานจัดฟันใสได้3ปี ทำเคสมาพอสมควร
พบว่าหากอยากได้งานที่เป๊ะๆ หมอต้องทำขั้นตอนบางอย่าง(จะเรียกว่าทุกอย่างก็ได้ 555)
เพิ่มไปจากงานจัดฟันเหล็ก
- เพราะถึงแม้เครื่องมือจัดฟันใสมันจะเทพขนาดไหน แต่เครื่องมือก็คือเครื่องมือ สิ่งสำคัญมันอยู่ที่ตัวหมอคนที่ทำต่างหาก
ว่าใส่ใจและเอาจริงเอาจังขนาดไหน
- เครื่องมือ(หรือจะเรียกว่าAIที่ออกแบบเครื่องมือก็ได้)
- มันไม่รู้ว่าฟันคนไข้มันอยู่ในตำแหน่งไหนของกระดูกขากรรไกรกันแน่
- มันไม่รู้ว่า ฟันฝั่งซ้ายหรือขวาฝั่งไหนอยู่สูงต่ำกว่ากัน (คนปกติๆมันจะสูงต่ำพอๆกัน
- แต่คนที่มีปัญหาเรื่องฟัน ส่วนใหญ่ฟันจะห้อยไม่เท่ากันครับ เพราะอาจจะมีฟันล้ม ฟันเอียง หรือเบียดจนบางซี่มันห้อยลงมา
- อันนี้เป็นสิ่งที่หมอต้องเป็นคนไปกำหนด และสั่ง(จริงๆคือบังคับ) ให้AIมันทำตามสิ่งที่หมอCalibrateมาแล้วอีกทีนึง
ถึงจะได้สิ่งที่ถูกต้องและตรงกับแผนที่เราอยากให้ฟันเคลื่อนไปมากที่สุด
- ยิ่งหมอทำละเอียดแค่ไหน ผลลัพธ์ของงานจัดฟันใสจะยิ่งเป๊ะเท่านั้น (และจัดเสร็จเร็วขึ้นด้วย)
งานจัดฟันใส มันก็เหมือนการทำร้านอาหาร
ที่ร้านไหนๆก็สามารถไปหาซื้อวัตถุดิบที่ดีที่สุดในโลกมาทำเป็นเมนูขาย (วัตถุดิบ=Invisalign)
แต่สุดท้ายจะอร่อยหรือไม่อร่อย
มันก็อยู่ที่เชฟคนปรุงอยู่ดีครับ
แค่จัดฟันใสก็จริง
แต่หมอต้องตั้งค่าองศาฟันให้ถูกต้องตามโครงหน้าจริงๆของคนไข้ด้วย
ถึงแม้ว่าเครื่องมือจัดฟันใสจะเทพขนาดไหน
มันก็ทำหน้าที่เคลื่อนฟันไปตามที่หมอออกแบบไว้
ฟันเคลื่อนไปตามแผนก็จริง
แต่เครื่องมือมันไม่รู้นะครับ
ว่าคนไข้คนไหนกระดูกเป็นแบบไหน
สมมุติคนไข้ 10คน มาจัดฟันเพราะรู้สึกว่าฟันยื่น
ฟันเรียงคล้ายๆกันมองเผินๆ หน้าตาเครื่องมือInvisalign ก็คล้ายกัน
แต่แผนการรักษามันจะต่างกันตรงที่ตำแหน่งกระดูกขากรรไกรนี่แหละครับ
ทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกัน
หมอต้องปรับให้เหมาะกับโครงสร้างกระดูกด้วย
ไม่ใช่ว่าจะ Copy&paste ได้
กระดูกยื่น ไม่ยื่น
บนปกติ ล่างยื่น
บนปกติ ล่างยุบ
บนปกติ ล่างปกติ (แต่ฟันยื่น)
ล่างปกติ บนยื่น
ล่างปกติ บนยุบ
ล่างปกติ นนปกติ (แต่ฟันยื่น)
ล่างยื่น บนยื่น
ล่างยื่น บนยุบ
บนปกติ ล่างเอียง 2 mm
บนปกติ ล่างเอียง 1 mm และยุบด้วย
Etc.
และอีกสารพัดpossible scenarios
พวกนี้ส่งผลอย่างมาก กับการวางแผนจัดฟันใส
(จริงๆจัดฟันเหล็กก็ด้วย)
แต่จัดฟันใส ต้องวางแผนละเอียดกว่าจัดฟันเหล็กมาก
คนไข้จ่ายเงินเป็นแสนๆ หลายคนจ่ายก้อนเดียวตั้งแต่วันแรกที่มาเจอหมอเลย
เค้าไม่ได้จ่ายเพื่อซื้อพลาสติกไปครอบฟันเล่นๆ
(แบบนั้นไปซื้อร้านที่ราคาถูกที่สุดก็พอ)
แต่คนไข้จ่ายเงินเพื่อซื้อ ผลลัพธ์ ของการจัดฟัน ถูกมั้ยครับ